MiTrade ดีไหม รีวิวโบรกเกอร์ข้อดีข้อเสีย

ข้อดี MiTrade

• รองรับการใช้งานในประเทศไทย มีแพลตฟอร์มสนับสนุนภาษาไทย สามารถฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทยและ QR Code ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• ต้นทุนต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย มีสเปรดต่ำ
• สามารถปรับค่าเลเวอเรจเองได้
• มีฝ่ายบริการลูกค้าที่สนับสนุนภาษาไทยตลอด 24 ชั่วโมง ทุก 7 วัน
• มีเครื่องมือจัดการความเสี่ยง Stop-loss และระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบให้ใช้งานได้ฟรี
• มีความปลอดภัยสูงในด้านเงินทุน การทำธุรกรรมและการดำเนินงานต้องเป็นไปตามข้อบังคับ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเงินทุน เพราะโบรกเกอร์จะมีการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่เกี่ยวข้อง (แต่ต้องระวังเจอโบรกเกอร์เถื่อน)
• Mitrade เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอณุญาติจากหน่วยงาน ASIC ที่เป็นหน่วยงานที่มีความหน้าเชื่อถือสูง
• หน้าเว็บมีภาษาไทยและมีเจ้าที่ซัพพอร์ตชาวไทยคอยให้คำปรึกษาผ่าน live Chat
• เงินขั้นต่ำเพียงต้น 50 เหรียญ
• รับฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย
• สามารถใช้เลเวอเรจเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะปรับค่านี้ไม่ได้ แต่ก็มีอยู่บ้างในบางโบรกเกอร์ที่ให้เลือกได้ว่าจะใช้เลเวอเรจเท่าไหร่ หรือไม่ใช้เลย
• สามารถทำกำไรได้ทั้งทิศทางราคาขาขึ้นและขาลง
• มีขั้นตอนการซื้อขายไม่ซับซ้อน เพียงแค่เปิดบัญชี โอนเงิน ก็สามารถเริ่มต้นเทรดได้
• ไม่มีความเสี่ยงในการถูกแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้
• เหมาะมาก ๆ กับการใช้เก็งกำไรในระยะสั้น แต่ก็สามารถใช้ถือในระยะยาวได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การเทรดด้วยตราสารอนุพันธ์เป็นการเทรดที่ใช้เลเวอเรจ นักลงทุนควรม ความสามารถรับความเสี่ยงได้สูง
• มีบริการอยู่สองช่องทางบนทางเวบไซด์ของ Mitrade และผ่านแอพลิเคชั่นที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ Android และ IOS

ข้อเสีย MiTrade

• ไม่มี copy trade
• โบรกเกอร์ Mitrade ที่มีประเภทบัญชีเพียงประเภทเดียว โดย Mitrade ให้บริการแค่บัญชีแบบมาตรฐาน และต้องเติมเงินขั้นต่ำ 50 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ
• จำกัดการซื้อขาย ต้องผ่านช่องทางแพลตฟอร์มของ Mitrade เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม Metatrader
• Leverage ค่อนข้างต่ำ Leverage สูงสุดแค่ 1:200
• มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการใช้เลเวอเรจ เพราะเลเวอเรจสามารถขยายทั้งผลกำไรและผลขาดทุนด้วย แต่หากไม่ใช้เลเวอเรจก็ไม่ต้องเสี่ยงในส่วนนี้
• มีค่าธรรมเนียมในการถือคำสั่งข้ามคืน (Swap) หากเทรดด้วยเลเวอเรจจะมีค่าธรรมเนียมในการถือคำสั่งข้ามคืน (Swap) ทำให้เหมาะกับการเทรดระยะสั้นหรือในวันมากกว่าการถือระยะยาว แต่หากเทรดแบบไม่มีเลเวอเรจจะไม่มี Swap ซึ่งเหมาะกับการเทรดทั้งระยะสั้นและการถือระยะยาว